8 เมษายน 2568
ฝึกงานที่ฟูจิซาวะ: บทเรียนที่ไม่มีในตำรา
"ขอโทษนะครับ... เอ่อ... รบกวนขออ่างอาบน้ำด้วยครับ" ผมที่พยายามบอกพนักงานแคชเชียร์สาวในร้านสะดวกซื้อ เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ขอถุงหิ้วด้วยครับ” เธออ้ำๆ อึ้ง ๆ แต่น่าจะเข้าใจในความต้องการของผม ก่อนจะหยิบถุงใบหนึ่งไปสแกนคิดเงินให้.. นั่นคือวันแรกที่ผมฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น ในดินแดนที่ป้ายห้างร้านยังอ่านไม่ออก และสกิลการสื่อสารยังติดๆขัด ๆ นี่สินะ..ความรู้สึกของการเป็น 'ไกจิน (คนต่างชาติ)' ทุกอย่างแปลกใหม่ ท้าทาย และแน่นอน เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่มีในตำราเรียนเล่มไหน..
ปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ Isuzu Motors สิริรวมระยะเวลาประมาณ 13 เดือน โดยตัวโรงงานจะตั้งอยูในเมืองฟูจิซาวะ..ขึ้นชื่อว่า “ฟูจิ” แน่นอนว่าถ้าวันไหนอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส เราจะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้จากหลังโรงงานเลย ต้องเกริ่นก่อนว่า ก่อนที่จะไปฝึกงาน บริษัทจะจัดคลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นให้เราเรียนทุกอาทิตย์ ตั้งแต่ท่อง 'อะอิอุเอะโอะ' ไปจนถึงระดับที่สามารถสื่อสารใช้ชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้มั่นใจก่อนว่าพ่อหนุ่มนี่จะไม่ได้ไปอดข้าวตายที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยและเป็นข่าวดังในโซเชียล.. หลังจากนั้นเมื่อโอกาสเหมาะเจาะ ผ่านกระบวนการคัดเลือก และเอกสารต่าง ๆ ก็ถึงโอกาสที่ผมพร้อมด้วยกันกับเพื่อนอีก 2 คน ต้องโบกมือลาแมวที่บ้าน ก้าวขาแลนดิ้งลงสู่สนามบินฮาเนดะ และใช้ชีวิตเป็น “เคนชูเซ (ผู้ฝึกงาน)” อย่างเป็นทางการ
ส่วนที่ผมไปฝึกงานจะอยู่ในฝ่ายของการ Development ซึ่งจะเป็น Process ตรงกลางระหว่างการ Design และ Production กล่าวแบบไว ๆ (เพื่อให้คอนเทนต์มีสาระบ้าง) คือ หลังจากที่ฝ่ายออกแบบได้สร้างรถ Prototype ขึ้นมา 1 คัน หรืออาจจะเป็นเพียงแค่พาร์ทก็ได้ ทางฝ่าย Development จะมีหน้าที่ในการนำรถมาทดสอบตามมาตรฐาน EN (European Norms), ADR (Australian Design Rules) หรือมาตรฐานที่อีซูซุกำหนดเอง เป็นต้น โดยเกณฑ์เหล่านี้ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศว่าจะหยิบมาตรฐานไหนมาใช้กับรถยนต์ในประเทศของตัวเอง ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น มาตรฐาน EN R29.02 ว่าด้วยความปลอดภัยของห้องโดยสารรถบรรทุก ทางทีมจะต้องมีการออกแบบการทดสอบ จัดเตรียมอุปกรณ์ รวมถึงดำเนินการทดสอบให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวที่ผมพูดถึง การทดสอบก็ค่อนข้างจะฮาร์ดคอร์ ซาดิสท์ รุนแรง เหมาะกับคนที่ชอบเลือด! (อันหลัง นี่หยอก) สมกับเป็นการทดสอบความปลอดภัย คือ จะมีการปล่อยแผ่นเหล็กให้เข้ามากระแทกที่ห้องโดยสารรถ และดูความเสียหายของห้องโดยสาร จะมีชิ้นส่วนไหนที่กระเด็นมาโดนคนขับหรือผู้โดยสารหรือเปล่า เป็นดอก (เป็นต้น!!)
สำหรับโปรแกรมการฝึกงานนั้น ก็ถูกจัดแจงมาอย่างเป็นระบบ เหมือนที่ตรีเพชรทำได้ดีมาโดยตลอด โดยตลอดระยะเวลา 13 เดือนที่นั่น ในช่วงเดือนแรกเราจะได้เวียนดูทุกส่วนงานที่ภายในแผนก ส่วนงานละหนึ่งวัน หลังจากนั้น เราทั้งสามคนจะกระจัดกระจายกันไปในแต่ละส่วนงานเพื่อเรียนรู้การทำงานทั้งหมดของส่วนงานนั้นๆ ส่วนงานละ 3 เดือน ส่วนตัวผมก็ได้ฝึกงานในส่วนของระบบไฟฟ้า, ความปลอดภัย, การวิเคราะห์ความเสียหาย และการทดสอบความทนทาน การทดสอบผลิตภัณฑ์รถของเราเป็นไปอย่างเข้มข้นในทุกส่วนงาน ผมอาจจะไม่สามารถเล่าดีเทลออกไปได้ทั้งหมด แต่ทุกมาตรฐาน ทุกการออกแบบ การคัดเลือก ล้วนแล้วแต่ผ่านกระบวนการคิด การทดสอบ การแก้ไข จวบจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์รถของเรา จากที่สัมผัสมาผมมั่นใจว่ากระบวนการทดสอบรถของเราไม่เป็นรองรถค่ายไหนในตลาดทั้งสิ้น ไม่แปลกใจที่คนไทยเชื่อใจอีซูซุมาอย่างยาวนาน…
นอกจากเรื่องงานแล้ว การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในแง่ของการอยู่อาศัย บริษัทมีเบี้ยเลี้ยง และจัดหาหอพักของบริษัทให้ แต่นั่นก็ไม่อาจต่อกรกับครองชีพที่สูงลิ่วของญี่ปุ่น ถ้ายังอยากเก็บเงินไว้เที่ยวในช่วงวันหยุด ผมจำเป็นต้องผูกผ้ากันเปื้อน ใส่หมวกเชฟ สวมวิญญาณเชฟกระทะเหล็กเข้าครัวไปโดยปริยาย ผมในฐานะของเฟรชชี่ปีหนึ่งของวงการนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียเท่าไหร่ แต่ตราบใดที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ สามารถขึ้นไปประทับรอยเท้าฝากไว้บนดวงจันทร์ได้ (เล่นใหญ่..) การจับมีดทำอาหารในห้องเล็ก ๆ แห่งนี้คงไม่เกินความสามารถของผม… อืมม… จืดไปหน่อยห้ะ..เติมผงชูรสอีกนิดละกัน และนั่นคือการพบกันครั้งแรกของผมและเชฟผู้ช่วยสัญชาติญี่ปุ่น "อายิโนะโมโตะ" ซัง..
หลังจากที่ได้รู้จักเชฟมือขวา โลกหลังกระทะของผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนการทำอาหารจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป พอเริ่มทำก็เริ่มสนุก เริ่มติดลม เสิร์ชเมนูที่อยากกินในยูทูป เดินไปเลือกซื้อวัตถุดิบจากซุปเปอร์ รู้ตัวอีกที ผมก็กลายเป็นพ่อบ้านหนุ่มหิ้วเบนโตะไปกินที่ทำงานทุกวัน ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน จะเปลี่ยนหนุ่มหน้ามนคนสายไหมที่เคยแอนตี้การทำกับข้าวคนนี้ ให้กลายเป็นชื่นชอบในการเข้าครัว นี่สินะที่เขาว่ากันว่า.. “บางครั้งความคิดที่เรายึดติด อาจเป็นแค่กรอบที่ขังเราไว้จากความเป็นไปได้ใหม่ ๆ” หรือ "การต่อต้านสิ่งที่ไม่คุ้นเคย อาจเป็นกำแพงที่กั้นเราออกจากความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้" หรือ ที่โบราณว่ากันว่า (พอก่อน!!)
ตลอดระยะเวลา 13 เดือนของที่นั่น คงไม่อาจบรรยายให้หมดภายใน 1,600 คำ แม้จะขึ้นชื่อว่าการฝึกงาน แต่ประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวกลับมา..ถ้าจะกล่าวว่าในชีวิตคงมีโอกาสแค่ครั้งเดียวก็คงไม่ดูโอเวอร์จนเกินไป การใช้ชีวิตในดินแดนที่ไม่มีอะไรเหมือนสถานที่ที่เติบโตมา ทั้งสภาพอากาศ ผู้คน อาหาร วัฒนธรรม ภาษา และมิตรภาพ ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมของการเติบโต หนึ่งสิ่งที่ผมประทับใจ คือ “ความมืออาชีพ” ของคนญี่ปุ่น ใส่ใจกับสิ่งที่ทำ รู้จักและเข้าใจหน้าที่ของตัวเอง ความตรงต่อเวลาที่ถูกถ่ายทอดส่งต่อกันมาตั้งแต่เด็ก.. ผมค่อนข้างมั่นใจว่าวัยรุ่น (ตอนปลาย) คนนี้ ที่ยืนอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิขาไป กับขากลับ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.. ถ้าไม่เชื่อ ให้ผมลอง ‘ขอถุงหิ้ว’ จากพนักงานดูก็ได้นะ :))
โดย คุณรัตนะ นาคสุทธิ์